วันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

Direct Speech - Indirect Speech
คำพูดที่ออกจากปากคนพูดโดยตรง มีเครื่องหมาย Quotation Marks ( “ ” ) กำกับอยู่เสมอ ยกคำพูดจริง ๆ ของผู้พูดไปเล่าให้ฟังทั้งหมดโดยไม่เปลี่ยนแปลง เรียกว่า Direct Speech


วิธีพูด แบบ   

1. Direct Speech (ยกคำพูดจริง ๆ ของผู้พูดไปเล่าให้ฟังทั้งหมดโดยไม่เปลี่ยนแปลง)
ประโยค Direct Speech ประกอบด้วย เครื่องหมายComma : จุลภาค(,) เครื่องหมาย Quotation Marks ( “ ” ) อักษรตัวแรกในเครื่องหมายอัญญประกาศต้องเป็นตัวพิมพ์ใหญ่เสมอ และใช้เครื่องหมายจุลภาค(,)วางท้ายประโยคหลัก เพื่อคั่นประโยคที่ตามมา
ตัวอย่าง
Metta says, “I am a farmer.” หรือ “I am a farmer.” , Metta says

2. Indirect Speech หรือ Reported Speech (ดัดแปลงเป็นคำพูดของผู้เล่าเอง)
หลักการเปลี่ยนจาก Direct Speech เป็น Indirect Speech หรือReported Speech ที่แตกต่างกัน มี 3 แบบ คือ

1. หลักการเปลี่ยนจาก Direct Speech เป็น Indirect Speech หรือReported Statement (บอกเล่าและปฏิเสธ)
ขั้นตอนการเปลี่ยน
(1) ตัดเครื่องหมาย comma (,) ออก
(2) จะเติม that หลัง Reporting Verbs หรือไม่ก็ได้
(3) ตัดเครื่องหมายคำพูด (Quotation mark) ออก
(4) เปลี่ยนสรรพนามในคำพูดให้เข้ากับผู้พูด
(5) เปลี่ยน Tense ของคำกริยาในคำพูดให้เข้ากับ Reporting Verbs(มีรายละเอียดคำอธิบายให้อ่านตอนท้าย)

2. หลักการเปลี่ยนจาก Direct Speech เป็น Indirect Speech หรือ Reported Request and Command (ขอร้องและคำสั่ง)
ขั้นตอนการเปลี่ยน
(1) ใช้กริยานำ คือ tell/told (บอก), order/ordered (สั่ง), ask/asked (ขอร้อง), command/commanded (สั่ง)
(2) ใช้ (not) to เป็นตัวเชื่อม
(3) ถ้า Direct Speech ไม่มีกรรม (object) ให้เติมกรรมลงไปใน Indirect Speech หรือ Reported Speech ด้วย
(4) ถ้ามีคำว่า Please ให้ตัดออก

3. หลักการเปลี่ยนจาก Direct Speech เป็น Indirect หรือ Indirect Speech หรือ Reported Questions (คำถาม)
ขั้นตอนการเปลี่ยน
(1) ประโยคคำถามที่ขึ้นต้นด้วยกริยาช่วย (Yes/No Questions) เมื่อเปลี่ยนเป็น Indirect Speech หรือ Reported Speech ให้
ใช้กริยานำ ใช้ if หรือ whether เป็นตัวเชื่อม มีความหมายว่า "ใช่หรือไม่" (จะใช้คำใดก็ได้) และเรียงคำในประโยคให้อยู่ในรูปของประโยคบอกเล่า
(2) ประโยคคำถามที่ขึ้นต้นด้วย Question words (Wh- Questions) เมื่อเปลี่ยนเป็น Indirect Speech หรือ Reported Speech ให้ ใช้กริยานำ คือ ask/asked (ถามว่า),inquire/inquired (ถามว่า),wonder/wondered (สงสัยว่าอยากรู้ว่า),want to know/wanted to know (อยากรู้ว่า) ใช้ Question words เป็นตัวเชื่อม และเรียงคำในประโยคให้อยู่ในรูปของประโยคบอกเล่า

เมื่อจะนำคำพูดของใครไปเล่าให้ผู้อื่นฟัง อาจมีวิธีพูดได้ 2 วิธี คือ
1. โดยยกคำพูดจริง ๆ ของผู้พูดไปเล่าให้ฟังทั้งหมดโดยไม่เปลี่ยนแปลง เรียกว่า Direct Speech เช่น
John said, "I like Mathematics."
ข้อความว่า "I like Mathematics" เป็น Direct Speech
2. โดยดัดแปลงเป็นคำพูดของผู้เล่าเอง เรียกว่า Indirect Speech หรือ Reported Speech เช่น
John said (that) he liked Mathematics.
ข้อความว่า "he liked Mathematics" ดัดแปลงมาจากคำพูดของ John ที่พูดว่า "I like Mathematics"
ดังนั้นข้อความนี้จึงเป็น Indirect Speech หรือ Reported Speech

คำกริยาที่ใช้กับ Indirect Speech หรือ Reported Speech เรียกว่า กริยานำ (Reporting Verbs หรือ Introducing Verbs) เช่น
1. say (said) พูดว่า
2. know (knew) รู้ว่า
3. hope (hoped) หวังว่า
4. think (thought) คิดว่า

ตัวอย่าง
(1) John said, "I like Mathematics."
(2) John said (that) he liked Mathematics.
คำกริยา said ในประโยค (1) เรียกว่า กริยานำ (Reporting Verb หรือ Introducing Verb)
ข้อความว่า (that) he liked Mathematics ในประโยค (2) เรียกว่า คำเล่า (Indirect Speech หรือ Reported Speech)

Indirect Speech หรือ Reported Speech มี 3 แบบใหญ่ ๆ คือ
1. Indirect Speech หรือ Reported Statement (บอกเล่าและปฏิเสธ)
2. Indirect Speech หรือ Reported Request and Command (ขอร้องและคำสั่ง)
3. Indirect Speech หรือ Reported Questions (คำถาม)

แหล่งที่มา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น